จัดทำขึ้นโดยเพจ ฅนเล่นหุ้น
จากโพสของตอนปลายเดือกรกฏาคมในเพจ
เกี่ยวกับหุ้นที่ติดไว้ในพอร์ท
ต้องขอบอกก่อนว่าวันนี้จะมาพูดถึงภาพรวม
ของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ซื้อไว้แล้วขายไม่ทัน
และจะมาคุยกันถึงสาเหตุของปัญหา
รวมทั้งวิธีการแก้ไข มิใช่การซ้ำเติมแต่อย่างใด
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกท่านไม่มากก็น้อย
ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลุยกันเลยครับ !!
สาเหตุหลักของการขาดทุน
1. ถือหุ้นไว้หลายตัว
2. ไม่มี Stoploss
3. พอขาดทุนแล้วทิ้งพอร์ท
จากรูปภาพตัวอย่างเราก็จะเห็นถึงปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น
ไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้นเยอะเกินไป
รวมถึงการที่ไม่ยอมจำกัดการขาดทุน
ทำให้หุ้นที่มีอยู่ทุกตัวในพอร์ทมีมูลค่าน้อยลงเรื่อยๆ
สุดท้าย เราก็จะพังเพราะคำว่า "ช่างมัน"
และเราต้องเตือนตัวเองไว้เป็นบทเรียนอย่างหนึ่งว่า
" ช่างมันเมื่อไร ชิบหายแน่นอน "
*********************
ทำอย่างไรให้อยู่ได้นาน
ไม่ว่าจะเป็นการเก็บกำไรในช่วงขาขึ้น
หรือป้องกันการขาดทุนในช่วงขาลง
Stoploss & Let Profit Run
พูดให้ง่ายที่สุดเลยก็คือเวลากำไรไม่ต้องไปจำกัดว่าจะได้เท่าไร
บางคนบอกว่า 10% ขาย นั่นหมายความว่า
"เพดานกำไรของคุณก็ตันที่ 10%"
แต่ถ้าเรารู้จักการ Let Profit Run
นั่นหมายความว่าเราจะทำกำไรได้เรื่อยๆ
ถ้าหุ้นยังเป็นขาขึ้นอยู่และขายเมื่อจบรอบ
ส่วน Stoploss คือการที่คุณจำกัดตัวเงินว่าจะยอมได้ไม่เกินเท่าไร
ยอมขาดทุนเล็กน้อยย่อมดีกว่าปล่อยให้มันขาดทุนไปเรื่อยๆ
ก่อนจะเสีย หนึ่งแสน
หมายความว่ามันต้องขาดทุน หนึ่งหมื่น มาก่อน
แล้วทำไมต้องปล่อยให้มันขาดทุนไปเรื่อยๆ..
เงินน้อยต้องเล่นน้อยตัว
จากตัวอย่างข้างต้นเราจะเห็นว่าหลายคนถือหุ้นหลายตัว
คือมากกว่า 5 ตัวขึ้นไปถือว่าค่อนข้างเยอะ
เหตุผลก็เพราะ จะทำให้เราดูแลได้ไม่ทั่วถึง
เวลาขึ้นมันขึ้นพร้อมกัน ก็ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ !! เวลามันลงเราขายไม่ทัน แบบนี้ก็ดอยสิ
และนี่คือข้อเสียของการถือหุ้นในพอร์ทหลายตัว
ทางที่ดี เลือกเน้นๆ คัดให้ดี เหมือนเลือกคู่ชีวิตไปเลย !
ไม่มีวิธีซื้อขายเป็นของตัวเอง
ถามตัวเองว่าหุ้นในพอร์ทได้มาจากไหน
"เพื่อน มาร์ นักวิเคราะห์ เพจหุ้น กลุ่มไลน์ หนังสือพิมพ์"
บางคนบอกตัวนี้เป้า 10 บาท ตอนนี้ราคาอยู่ 2 บาท
คนที่ฟังก็เชื่ออย่างไร้ความหวัง ถือไปเรื่อยๆแม้ขาดทุน
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า คุณเองนั่นแหละที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง
ถ้าวิเคราะห์เองได้ รู้จุดซื้อ รู้จุดขาย
นั่นจะทำให้คุณเทรดได้อย่างปลอดภัย
เพราะคุณมีแผนเป็นของตัวเอง !
ขอฝากไว้เรื่องสุดท้าย
ข้อนี้สำคัญที่สุด !
ถ้าคุณก้าวเข้ามาเป็นอาชีพ Trader จงอย่าหวังให้มันเป็นอาชีพเสริม
อย่าหวังเพียงแค่ค่ากับข้าววันละไม่กี่ร้อยกี่พัน
เพราะถ้าคิดแบบนี้คุณก็จะได้แค่ค่ากับข้าว
คุณต้องทำงานหนัก เหมือนกับมันเป็นอาชีพหลัก
คุณทุ่มเทแรงกายแรงใจให้มันเท่าที่จะทำได้
ตลาดจะตอบแทนคุณอย่างสาสม
ตลาดแห่งนี้เป็นเหมือนบ่อเงินบ่อทอง
ใครมีความสามารถก็จะได้รางวัลไป
สุดท้ายนี้ ลุงขอฝากไว้ว่า
" มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน "
วันนี้คุณมีวิชาแล้วหรือยัง..
กดติดตามเพจ ฅนเล่นหุ้น